แผนกขาย
095 249 9266
แผนกบริการ
1114
แผนกรถเช่า
081 785 3955
แผนกประกัน
089 924 2066
บริการตัวถังและสี
098 285 8295
แผนกอะไหล่
091 557 8511
นัดหมายล่วงหน้า
1114
สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้รถของคุณสตาร์ทไม่ติด
พอจะบิดสตาร์ต แต่เครื่องยนต์ไม่ติด มีเสียงดังแชะๆ เมื่อบิดกุญแจ หรือเงียบกริบ เบื้องต้นอาจ ตัวแบตเตอรี่มีปัญหา เช็คด้วยการกดแตรดูว่ามีเสียงดังปกติหรือเบากว่าปกติ อาจเป็นเพราะแบตเตอรี่อ่อนจนเกือบหมด ทำให้ไดสตารท์ทำงานไม่ไหว
แบตเตอรี่เสื่อม
แบตเตอรี่โดยทั่วไปจะมีอายุการใช้งานราว 2 ปี ต้องทำการเปลี่ยนลูกใหม่ ถ้าแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสังเกตุดังนี้
ไดชาร์จเสื่อม
ทำให้ไม่สามารถชาร์จไฟไปยังแบตเตอรี่ได้ ซึ่งหากเป็นที่ไดชาร์จจริง วิธีสังเกตได้ดังนี้ หลังจากเปลี่ยนแบตลูกใหม่ แต่พอใช้งานไปสักพัก รถก็เกิดอาการสตาร์ทติดยากเหมือนเดิม แนะนำให้นำรถเข้าตรวจสอบไดชาร์จได้เลย
มอเตอร์สตาร์ทมีปัญหา
รถสตาร์ทไม่ติดเลย พ่วงแบตก็แล้ว เอาแบตเตอรี่ใหม่มาเปลี่ยนก็ไม่หาย หน้าปัดไมค์ก็ขึ้นปกติ แสดงว่ามอเตอร์สตาร์ทมีปัญหา สาเหตุอาจเกิดจาก ฟิวส์มอเตอร์สตาร์ทขาด, สายไฟที่ต่อไปยังมอเตอร์สตาร์ทขาด,หลุดออกจากจุดต่อ, ตัวมอเตอร์สตาร์ทเองมีปัญหา เช่น แปรงถ่านที่อยู่ในมอเตอร์สตาร์ทกำลังจะหมด อาการนี้ต้องเรียกรถลากเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็กอย่างละเอียดต่อไป
ถ้าบิดกุญแจสตาร์ทแล้วไม่มีเสียงใดๆ เลย แต่อุปกรณ์ไฟฟ้ายังคงทำงานได้ปกติ (วิทยุดัง, ไฟหน้าติด, แตรดัง และอื่นๆ) อาจสันนิษฐานเบื้องต้นว่า ไดสตาร์ทเสีย ให้ลองหาท่อนไม้มาเคาะไดสตาร์ต (ต้องระมัดระวังอย่าให้โดนอุปกรณ์อื่นๆ ด้วย) *ถ้าสตาร์ตติดแสดงว่าไดสตาร์ตสกปรก แต่หลังจากนั้นก็ต้องถอดไปทำความสะอาดด้วย
ในกรณีนี้หากเป็นรถเกียร์ธรรมดา สามารถใช้วิธีเข็นสตาร์ตเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ จากนั้นจึงนำรถเข้าไปยังศูนย์บริการหรืออู่ต่อไป
ที่กล่าวมาเบื้องต้น เป็นสาเหตุที่พบได้ทั่วไป แต่อาการสตาร์ทไม่ติดอาจมีสาเหตุที่ลึกกว่านี้ก็เป็นได้ เช่น เครื่องยนต์มีสภาพไม่สมบูรณ์
ขอบคุณเนื้อหาจาก ประชาชาติธุรกิจ