แผนกขาย
095 249 9266
แผนกบริการ
1114
แผนกรถเช่า
081 785 3955
แผนกประกัน
089 924 2066
บริการตัวถังและสี
098 285 8295
แผนกอะไหล่
091 557 8511
นัดหมายล่วงหน้า
1114
รถนอกจากจะใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงแล้ว ยังมีน้ำมันอื่นๆ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก ฯลฯ แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงน้ำมันเบรกกัน
น้ำมันเบรกมีความสำคัญต่อระบบห้ามล้อ บางคนอาจยังไม่รู้และมองข้ามที่จะเปลี่ยนถ่าย ทำให้ระบบห้ามล้อ สึกเร็วกว่ากำหนด เพราะเมื่อเราเบรกจะเกิดความร้อนจากการเสียดสีของผ้าเบรกกับจานเบรกและจะถ่ายเทความร้อนผ่านก้านดันผ้าเบรกเข้าสู่ลูกสูบ และ น้ำมันเบรก
กรณีที่เหยียบเบรกอย่างแรง จังหวะฉุกเฉิน หรือเป็นคนชอบเหยียบเบรกอยู่บ่อยๆ เมื่อตอนขับรถด้วยความเร็วสูง ความร้อนที่ถ่ายเทสู่ น้ำมันเบรกจะมีปริมาณมากและอาจระบายออกไม่ทัน ทำให้น้ำมันร้อนขึ้นมาก หากน้ำมันเบรกร้อนจนถึงจุดเดือด ก็จะระเหยกลายเป็นไออยู่ภายในกระบอกสูบเบรกที่ล้อทันที และพอระบายความร้อนออกไปได้ ไอก็จะแปรสถานะไปเป็นของเหลว ในจังหวะนี้จะทำให้ไม่มีแรงดันที่จะส่งผลต่อลูกสูบเบรกให้ไปดันผ้าเบรกทำให้เบรกไม่อยู่ได้ เพราะฉะนั้น จุดเดือดน้ำมันเบรกจึงมีความสำคัญส่งผลประสิทธิภาพการเบรก
ดังนั้นน้ำมันเบรกที่ดีต้องมีจุดเดือดที่อุณหภูมิสูง เพื่อไม่ให้น้ำมันเบรกร้อนเร็วจนเกินไปน้ำมันเบรกที่มีตามศูนย์บริการรถทั่วไป จะต้องได้รับรองมาตรฐาน ซึ่งแบ่งประเภทตามจุดเดือด และ จุดชื้น DOT 3 , DOT 4 , DOT 5
ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกเมื่อไร
คำตอบ ถ้ารถเราไม่ค่อยได้ใช้ได้วิ่ง จะอยู่ที่ประมาณ 1 ปี แต่สำหรับคนใช้รถเป็นประจำก็อยู่ที่ประมาณ 40,000 กม. ถือเป็นการไล่ความชื้นที่ผสมอยู่ในน้ำมันเบรกออก และลดการเกิดสนิมซึ่งเกิดจากความชื้น ซึ่งเป็นตัวการทำให้ลูกยางฉีกขาด ลูกยางบวมได้ ทำให้น้ำมันเบรกรั่ว ซึมออกทำให้มีผลระยะยาวทำให้เบรกรถไม่อยู่ได้อีกด้วย นอกจากนั้นอย่าลืมสังเกตุสีของน้ำมันเบรก ถ้ามันเปลี่ยนไป หรือดำขึ้นมามากก็ควรเปลี่ยน