แผนกขาย
095 249 9266
แผนกบริการ
1114
แผนกรถเช่า
081 785 3955
แผนกประกัน
089 924 2066
บริการตัวถังและสี
098 285 8295
แผนกอะไหล่
091 557 8511
นัดหมายล่วงหน้า
1114
ก่อนที่จะติดเครื่องสตาร์ทรถทุกครั้ง ควรตรวจดูว่า ปุ่มคอมเพรสเซอร์ (ปุ่มตรงแผงคอนโซล ที่จะเขียนว่า A/C )ว่ามันเปิดหรือปิดอยู่ ถ้าปุ่มมันกดเปิดอยู่ให้กดปิดก่อนที่จะติดเครื่อง เพื่อไม่ให้เกิดการต้านทานการหมุนของคอมเพรสเซอร์ จากนั้นแล้วค่อยจึงทำการสตาร์ทรถ เมื่อสตาร์ทแล้วให้เปิดสวิตซ์พัดลมของแอร์ก่อน ปรับไปไว้ที่สปีดแรงสุด โดยทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที เพื่อจะได้ลมร้อนออกไป จากนั้นก็กดปุ่มเปิดA/C แล้วปรับไปที่ตำแหน่งเย็นสุด แล้วค่อยจึงลดความแรงพัดลมมายังระดับที่ต้องการ แล้วจึงค่อยปรับความเย็นมาอยู่ที่อุณหภูมิที่ต้องการ
ก่อนที่จะเลิกใช้งานหรือก่อนที่จะดับรถ ให้กดปิดปุ่ม A/C ก่อน เพื่อหยุดการทำงานของคอมเพรสเซอร์ แต่พัดลมยังไม่ต้องปิด ให้เปลี่ยนไปเป็นตำแหน่งแรงสุด เพื่อไล่ความชื้นในตู้แอร์หรือคอยล์เย็นนั้นเอง และเป็นการช่วยลดการทำให้แอร์เกิดการเหม็นอับน้อยลงอีกด้วย และรวมทั้งเป็นการช่วยยืดอายุของตู้แอร์ ช่วยให้เกิดการผุ กร่อนช้าลงกว่าเดิม ถ้าไม่ทำตู้แอร์ก็จะสกปรกไวเพราะตู้แอร์มีความชื้นและมีหยดน้ำหยดเกาะนานวันเข้าก็ยิ่งทำให้ตู้แอร์ผุไว
*แถมเคล็ดลับการแก้ กลิ่นอับที่ออกมาจากแอร์ สามารถแก้ไขได้โดย จอดรถในที่โล่งแจ้ง ที่แดดส่องได้อย่างทั่วถึง จากนั้นเปิดประตูรถให้หมดทุกบาน จอดรถตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง หรือจนกว่ากลิ่นอับจะจางหายไป ถ้ากลิ่นอับยังอยู่เหมือนเดิม ต้องเอาไปให้ร้านแอร์ศูนย์บริการเช็คว่า เกิดจากอะไรกันแน่
ดังนั้นถ้าไม่อยากให้ แอร์รถของเรา เกิดการเหม็นอับ คือการหลีกเลี่ยงไปการนำอาหารไปกินบนรถ แถมเป็นการกันไม่ให้มดแมลงไปทำรังหรือ ขึ้นบนรถอีกด้วย หรือรวมทั้งการเอาของกลิ่นแรงๆ ขึ้น เช่นทุเรียน หรือเอาสัตว์เลี้ยงขึ้นรถ รวมทั้งการฉีดสเปรย์น้ำหอมต่างๆนี้ละตัวดีที่ทำให้เกิดปัญหามานักต่อนัก และการสูบบุหรี่ อีกเช่น กัน ต่อให้เปิดกระจกกลิ่นก็เข้าแอร์อยู่ดี ดังนั้นถ้าคิดจะสูบลงไปสูบนอกรถเป็นการดีกว่า เพราะมันจะให้ตู้แอร์อุดตัน สกปรก เดี๋ยวก็ต้องรีบมาล้างตู้แอร์แก้ปัญหาเสียเวลากันอีก