แผนกขาย
095 249 9266
แผนกบริการ
1114
แผนกรถเช่า
081 785 3955
แผนกประกัน
089 924 2066
บริการตัวถังและสี
098 285 8295
แผนกอะไหล่
091 557 8511
นัดหมายล่วงหน้า
1114
ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องหน้าเชิด หน้าทิ่มกันนั้นขอพูดถึงเรื่องยางเพิ่มอีกสักนิดเพราะมันเกี่ยวข้องและกับเรื่องหน้าเชิด หน้าทิ่มกันในวันนี้นั้นเอง ภายใน 1 สัปดาห์นั้นเราควรเช็คลมยางอย่างน้อย 1 ครั้ง ไม่ว่ายางคุณจะใหม่ ยางเก่า หรือต่อให้เป็นรถใหม่ๆก็ตามที เราก็ต้องตรวจเพราะโดยสายตาเราในบางทีไม่อาจจะรู้ได้ว่ายางนั้นมีปัญหาอยู่หรือไม่ ซึ่งในการตรวจนั้นเราจะทำอย่าง
คราวนี้มาพูดกันต่อเรื่องรถหน้าเชิดหรือทิ่ม ก็มาจากเรื่องการเปลี่ยนขนาดขอบยาง เช่นอยากจะเปลี่ยนยางจากขอบ 16 เป็น 17 ในการเปลี่ยนยางใหม่ส่วนใหญ่มักเปลี่ยนที 4เส้น ซึ่งไม่ใช้เงินน้อยๆ มีเหยียบหลักหมื่นไหนจะค่าล้อแม๊กซ์ ค่าใช้จ่ายซ่อมแซม ถ้าไม่เตรียมเงินมามากพอที่จะเปลี่ยนทั้ง 4 ล้อ อาจใช้วิธีเปลี่ยนทีละคู่ แต่เราควรจะเปลี่ยนคู่ไหนก่อนดีละ ระหว่างคู่หน้า กับคู่หลัง หลายท่านอาจบอกว่า เปลี่ยนคู่หน้าก่อนสิ ล้อหน้ารับภาระมากกว่าล้อหลัง ควรใช้ยางที่ใหม่กว่า ข้อนี้ถูกครับ ถ้ายางที่เปลี่ยน มีขอบยางเท่าเดิม แต่ถ้ายางที่เปลี่ยนขอบใหญ่ขึ้น ผมแนะนำว่า เปลี่ยนคู่หลังก่อนครับ ถ้าเปลี่ยนคู่หน้าก่อนจะทำให้รถหน้าเชิดสูงกว่าด้านหลัง ซึ่งทำให้รถทรงตัวได้ไม่ดี และการที่เอาหน้ายางที่มีหน้ากว้างมากกว่า หากนำมาไว้ที่ล้อคู่หน้า จะทำให้พวงมาลัยรถมีน้ำหนักมากกว่าปกติอีกด้วย
ถ้าอยากให้เข้าทฤษฏีง่ายๆ ลองนึกภาพตามนะครับ เคยดูรายการพวกรถแข่ง F1 ฟอมูล่าวัน กรังปรีซ์ไหมครับ จะสังเกตได้ว่ายางหน้าเขาจะแคบกว่าด้านหลัง หน้ารถมีความสูงน้อยกว่าหลังรถ เพราะหลักการของรถต่างจากเรือ เรือที่ต้องหน้าเชิดเพราะช่วยในการแหวกคลื่น ส่วนรถยนต์ หน้ารถที่ต่ำกว่า(หน้าทิ่ม) จะทำให้มีน้ำหนักลงที่ด้านหน้า การยึดเกาะถนนเพราะหน้ายางที่ล้อหน้าจะถูกกดลงให้ติดกับพื้นถนนได้ดีกว่า ต่างจากรถที่หน้าเชิด พื้นที่ของยางล้อคู่หน้าจะสัมผัสกับพื้นถนนย่อมมีน้อยลง ส่งให้การยึดเกาะถนนน้อยลง ความปลอดภัยจะน้อยลงไปด้วย และยิ่งถ้าถนนลื่นด้วยแล้วก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้นอีกด้วยและ อาจจะมีผู้ขับขี่บางท่าน ที่รู้เรื่องนี้ก็เลยใช้ยางคู่หน้าและคู่หลังขอบต่างกัน เพื่อช่วยในการขับขี่อีกด้วย