การสังเกตอาการผิดปกติของรถที่ควรรีบแก้ไข

21 พฤศจิกายน 2561   1023

คุณรู้หรือไม่ว่าอาการผิดปกติของรถคุณนั้น โดยทั่วไปเราที่ขับประจำจะสังเกตได้ หากแต่ไม่ใส่ใจหรือคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา วันนี้จะมาบอกถึงวิธีสังเกตอาการผิดปกติของรถที่แม้จะดูเล็กน้อย แต่สามารถกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ ถ้าละเลยอาการนั้น

  1. เครื่องยนต์
    ที่สำคัญคือเรื่องความร้อน ถ้าเครื่องยนต์ร้อนเกินกว่าที่ควรจะเป็น แม้จะขับไปได้ไม่กี่กม. ความร้อนสูงขึ้นไว หรือกรณีเครื่องเย็นเกินไป ถึงแม้จะขับมาได้สักพักหนึ่งแล้วก็ตาม เข็มวัดอุณหภูมิยังไม่กระดิก sinvรถมีเสียงดังผิดปกติจากเครื่องยนต์ทั้งที่ตอนซื้อมาใหม่ๆไม่มี ควรรีบเข้าศูนย์บริการโดยเร็วครับ
  2. อาการผิดปกติของยาง
    ถ้าดอกยางตรงกลางล้อสึกมากกว่าขอบยาง แสดงว่าเราเติมลมยางแข็งหรือมากเกินไป สลับกันถ้าเราเติมยางรถอ่อนเกินไป ดอกยางบริเวณขอบล้อก็จะสึกมากกว่าตรงกลาง แต่ถ้าสึกหรอเพียงแค่ข้างใดข้างหนึ่ง หมายความว่า มุมแนวตั้งของยางไม่ตรง , ถ้าดอกยางเป็นบั้งๆ แสดงว่าแนวของยางไม่ขนานกับแนวเคลื่อนที่ของรถ ต้องนำรถเข้าศูนย์ เข้าอู่เพื่อตั้งศูนย์ล้อ หรือปรับแรงดันลมยางเสียใหม่
  3. อาการผิดปกติของคลัตซ์
    สำหรับรถเกียร์ธรรมดา เรื่องคลัตซ์ นี้ ต้องรีบแก้ไขโดยด่วนถ้ารถของคุณเริ่มที่ ควบคุมเกียร์ไม่ได้หรือการเปลี่ยนเกียร์เริ่มติดๆขัดๆ คลัตซ์ลื่น เหยียบคลัตซ์แล้วรู้สึกว่ามันไม่สุด หยิบคลัตซ์แล้วมีเสียงดัง แป้นคลัตซ์พอเหยียบมีเสียงดัง ขับอยู่ปกติแต่ตัวแป้นคลัตซ์สั่นขึ้น สั่นลง
  4. อาการผิดปกติของเกียร์
    ถ้าเกียร์มีเสียงดังเมื่อตอนอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่างหรืออยู่ที่เกียร์ไหนก็ตาม แสดงว่าเกียร์มีปัญหา เปลี่ยนเกียร์ยาก ทั้งๆที่เหยียบคลัตซ์อยู่ ห้องเกียร์มีน้ำมันหล่อลื่นไหลเยิ้มออกมา เป็นสัญญาณอันตราย รีบเข้าศูนย์ซ่อมเลยนะครับ
  5. อาการผิดปกติของพวงมาลัย
    เมื่อพวงมาลัยมีปัญหาอาจส่งผลกระทบต่อชิ้นส่วนของรถมีปัญหาไปด้วยยกตัวอย่างเช่น ยางเฟืองท้ายชำรุดไปด้วย เมื่อขับแล้วรู้สึกว่าพวงมาลัยหนัก เวลาเลี้ยวรถต้องใช้แรงเลี้ยวมากกว่าปกติ หรือ พวงมาลัยหลวมเกิน มีระยะฟรีเกิน 1 นิ้ว ก็ต้องรีบแก้ไขแต่เนิ่นๆเพราะจะทำให้ควบคุมรถได้ไม่เต็มที่แล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาได้ ถ้าพวงมาลัยรถสั่นแนะนำให้เข้าศูนย์ของรถที่ใช้ยี่ห้อนั้นๆไปดีกว่า
  6. อาการผิดปกติของเบรก
    เบรกนี้ก็สำคัญมากต่อการขับรถ เพราะถ้าใช้ไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือขึ้นมาได้ ตัวอย่างอาการของเบรกเริ่มผิดปกติ เช่น เบรกไม่ค่อยอยู่ เบรกลื่นทั้งๆ ไม่ได้ขับรถลุยน้ำ เบรกเป๋เบรกแล้วรถแฉลบปัดไปด้านใดด้านหนึ่ง เบรกจม แป้นเบรกค้างทั้งที่เท่าไม่ได้เหยียบแล้ว อย่ามัวชักช้ารีบเข้าศูนย์เข้าอู่โดยด่วน
  7. อาการผิดของไฟชาร์จ
    ปกติสัญญาณไฟชาร์จ จะต้องปรากฏที่แผงหน้าปัดรถทุกครั้งที่ติดเครื่องยนต์ เมื่อติดแล้วสัญญาณไฟชาร์จ ก็จะดับลง แต่ถ้าไฟสัญญาณไดชาร์จไม่ขึ้นหรือไม่ดับลงหลังติดเครื่องยนต์ ก็แสดงว่า ไดชาร์จ เราต้องมีปัญหาแล้วก็ต้องเข้าร้านระบบไฟรถยนต์ ไปตรวจสอบดูแล้วละครับ
  8. เรกูเลเตอร์มีปัญหา
    ถ้าหลอดไฟรถเราขาดบ่อย หรือต้องเติ่มน้ำกลั่นบ่อยๆ ขออธิบายเพิ่มเติ่มอีกนิดบางท่านอาจไม่รู้ว่า เรกูเลเตอร์ เอาไว้ทำอะไร หน้าที่ของมันคือ ควบคุมกระแสไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพราะฉะนั้นเมื่อมีปัญหาก็ต้องไปให้ร้านไฟดูแล้ว ถ้าเสียก็ซ่อมถ้าพังก็ต้องเปลี่ยน เพราะมันสำคัญกับระบบไฟของรถ
  9. สัญญาณไฟน้ำมันหล่อลื่นขึ้นเตือนบนหน้าปัด
    ถ้าสัญญาณขึ้นระหว่างเราขับรถอยู่ แสดงว่าขับรถโดยไม่มีน้ำมันหล่อลื่นอยู่ในเครื่องยนต์ ถ้ามีอู่อยู่ใกล้ๆก็ควรจะรีบขับรถเข้าอู่ ถ้าไม่มีก็คงต้องจอดแล้วหาน้ำมันเครื่องมาเติมก่อนเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ไม่งั้นได้มีผลต่อเครื่องยนต์รถเป็นแน่แท้ แต่ถ้าเช็คดูแล้วน้ำมันหล่อลื่นยังเต็มมีอยู่ไม่แห้งก็แสดงว่ามาจากสาเหตุอื่นให้ทำการหารถลากไปเข้าศูนย์เช็คดู