
แผนกขาย
095 249 9266
แผนกบริการ
1114
แผนกรถเช่า
081 785 3955
แผนกประกัน
089 924 2066
บริการตัวถังและสี
098 285 8295
แผนกอะไหล่
091 557 8511
นัดหมายล่วงหน้า
1114
ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจว่าระบบกันสะเทือนรถยนต์ มีหน้าที่แค่ลดแรงสะเทือนที่เข้ามาในห้องโดยสาร เพื่อให้คนนั่งสบายขึ้นในการเดินทาง แต่ประโยชน์ที่สำคัญของระบบกันสะเทือนอีกอย่างที่ควรรู้คือ การทำให้รถวิ่งได้อย่างปลอดภัย เช่นการควบคุมรถให้วิ่งอยู่ในเส้นทาง ต้านแรงสะเทือนขณะเข้าโค้งหรือเส้นทางขรุขระ เพื่อให้รถทรงตัวได้ ไม่เสียการควบคุม และป้องกันส่วนชิ้นส่วนภายในรถที่สำคัญๆ จากกระสั่นสะเทือน
ระบบกันสะเทือนที่ใช้ในล้อหน้าและล้อหลังก็เป็นคนละประเภทกัน แถมยังแบ่งเป็นประเภทย่อยๆ ได้อีกมากมาย ซึ่งจะอธิบายได้ดังนี้
ล้อหน้า แบ่งได้ 3 ประเภทหลักๆ คือ
ระบบแม็คเฟอร์สันสตรัท
ระบบกันสะเทือนแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทนี้มักจะใช้กับล้อหน้าของรถได้หลายรุ่น ลักษณะเป็นโช๊คอัพยาว มีแกนเพลาล้อติดอยู่กับปลายล่างของโช๊คอัพ และมีเอเฟรมยึดส่วนล่างของโช๊คอัพนี้กีบแชสซีส์ของรถ
ชุดกันสะเทือนนี้ ผู้ขับรถเองสามารถตรวจสอบด้วยตัวเองได้ ซึ่งจุดแรกที่ควรตรวจคือ
ระบบปีกนกคู่
ระบบกันสะเทือนแบบปีกนกคู่ (Double wishbone) จะมีเหล็กรูปคล้ายปีกนก 2 ชิ้น ยึดซ้อนกันระหว่างคอยล์สปริง และโช๊คอัพ และปลายของเหล็กปีกนกทั้ง 2 ชิ้นก็ยึกกับแชสซีส์ของรถ การตรวจสอบก็คล้ายกับประเภทอื่นคือ
ระบบแหนบขวาง
โดยมากจะพบในรถรุ่นเก่า ระบบนี้ใช้ตับแหนบ วางขวางขนานกับด้านหน้าของรถ ปลายแต่ละข้างของแหนบจับอยู่กับแกนใต้ปีกนกเดี่ยวตัวล่าง หรือ เอเฟรมบนปีนกจะเป็นที่ตั้งของโช๊คอัพแบบเทเลสโคปิดส่วนล่าง โช๊คอัพส่วนบนยึดติดกับด้านบนของกระพุ้งล้อ ภายในบังโคลนหน้าในระบบนี้ การตรวจสอบก็ทำเช่นระบบอื่น หากแต่ว่า เมื่อเป็นรถรุ่นเก่า จึงมักจะต้องอัดจารบีตามข้อต่อต่างๆ ตามระยะเวลา
ล้อหลัง มีหลายประเภท ซึ่งในที่นี้จะกล่าว ได้ 7 แบบ คือ
ฮอทช์คิสส์ ไดรฟ์ หรือ ระบบแหนบ
ในรถเก๋งสมัยนี้ไม่ใช้ระบบนี้กันแล้ว ซึ่งระบบแหนบยังมีใช้กับรถที่จำเป็นต้องบรรทุกของที่มีน้ำหนักมาก มีการยุบตัวของรถสูง เช่นรถบรรทุก รถกระบะ ส่วนการตรวจสอบ ดูแลรักษา มีดังนี้
เทรลลิ่งอาร์ม
ระบบเทรลลิ่งอาร์ม เป็นแบบที่ใช้กันมากในระบบนี้จะมีแขนยื่นออกมาจากแชสซีส์ จับเข้ากับเสื้อเพลาหรือดุมล้อ ในกรณีของระบบกันสะเทือนอิสระของแต่ละล้อมี่สปริงขดรับน้ำหนัก ซึ่งอาจจะวางอยู่บนแขนหรือบนแป้นที่ตัวเพลาล้อ เช่นเดียวกับโช้คอัพ การดูแลรักษาและตรวจสอบระบบนี้ ก็คือตรวจการหล่อลื่นของจุดที่อัดจารบีตามกำหนดเวลา
ระบบปีกนกคู่
ระบบกันสะเทือน แบบปีกนกคู่อาจถูกนำมาใช้กับล้อหลัง โดยมีความแตกต่างกับการใช้กับล้อหน้าในบางส่วน เช่น ส่วนกว้างของปีกนกอยู่ใกล้กับล้อมากกว่า และอาจมี ไทรอด (Tie rod) เพื่อช่วยรับการโยนตัวของรถขณะออกรถเร่งความเร็วหรือหยุดรถ
ระบบกันสะเทือนของโฟล์คสวาเก้น
อันที่จริงแล้วระบบกันสะเทือนของโฟล์คสวาเก้นก็เหมือนกับรถอื่นเสียแต่ในรถโฟล์ค บีทเติ้ล และไมโครบัสนั้น บางคนหาแหนบ หรือสปริงรับน้ำหนักไม่พบ ทั้งๆที่เมื่อลองกดขย่มรถก็ทราบว่ามีสปริงอยู่ข้างใต้แน่นอนแต่มองไม่เห็น
ระบบของโฟล์ค บีทเติ้ล เป็นแบบแหนบขวางซ่อนอยู่ในท่อกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณสองนิ้วกว่าเล็กน้อย ซึ่งทำหน้าที่เป็นคานของช่วงหน้าและหลังในขณะเดียวกันเลยแหนบที่ซ่อนอยู่ภายในเป็นแผ่นเหล็กแบน กว้างประมาณหนึ่งนิ้ว ซ้อนกันสามแผ่นยาวตลอดท่อ โผล่ปลายออกมาประมาณข้างละหนึ่งนิ้ว และมีแขนจับจากปลายนี้ลงไปต่อกับชุดล้อ กลางท่อดังกล่าวจะมีน็อตขันทะลุลงไปจับแผ่นแหนบดังกล่าวเอาไว้ไม่ให้เขยื้อนได้ ในจังหวะที่ล้อเคลื่อนที่เอง แผ่นแหนบจะบิดตัวฝืนไว้เหมือนสปริง และมีโช๊คอัพช่วยซับแรงอยู่
ระบบทีโฟล์คใช้นี้ เหมือนกับระบบทอร์ชั่นบาร์
โฟล์คใช้แหนบสองชุดกับช่วงหน้า และชุดหนึ่งกับช่วงหลัง ซึ่งใหญ่กว่าช่วงหน้า การดูแลรักษาระบบกันสะเทือนของโฟล์ค ได้แก่การตรวจความรั่วซึมของน้ำมันโช๊คอัพ และอัดจารบีเข้าในท่อแหนบกับช่วงหมุนต่างๆ ของระบบและในทุกครั้งที่นำรถเดินทางผ่านเส้นทางทุรกันดาร หรือทุกหกเดือน ควรเปิดช่องในที่เก็บยางอะไหล่ ตรวจสอบความแน่นของน็อตยึดช่วงหน้าระหว่างตัวถังกับท่อแหนบอันเป็นคานรถด้วย บางครั้งน็อตหลวมหรือหลุดหน้ารถจะทรุดต่ำลง อันเป็นอาการเดียวกันกับแหนบล้าชุดแหนบดังกล่าวราคาตับละประมาณหนึ่งพันบาท ถ้าเปลี่ยนตับหน้า ควรเปลี่ยนทั้งสองตับในเวลาเดียวกัน
ไฮโดรแก็ส
ระบบนี้จะไม่มีโช๊คอัพหรือสปริงเหมือนระบบอื่นๆ แต่จะใช้แก็สและน้ำมันที่บรรจุในชุดลูกสูบทำงานในการลดแรงกระเทือน โดยลูกสูบจะมีแขนยึดไว้กับแต่ละล้อ และมีท่อเชื่อมน้ำมันระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังแต่ละข้าง ในการเคลื่อนที่ของรถ เมื่อล้อหน้ามีการสะเทือน แขนที่ยึดจะดันลูกสูบขึ้น และส่งน้ำมันไหลไปยังล้อหลังให้ยกตัวสูงขึ้นตามล้อหน้า ลดการโยกตัวของรถ ส่วนการดูแลรักษา เนื่องจากระบบนี้ไม่มีโช๊คอัพ สปริงหรือปีกนก แค่คอยตรวจการรั่วซึมของน้ำมันเป็นประจำเท่านั้น
ระบบกันสะเทือนของซีตรอง
รถซีตรองไฮโดร-นิวแมติก กับระบบกันสะเทือนมาหลายปีแล้วในระบบนี้ เมื่อแขนต่อล้อกับชุดกันสะเทือนเคลื่อนตัวเปลี่ยนระดับขึ้นน้ำมันจะถูกดันต้านกัยแก็สในหม้อรูปกรวย ซึ่งบรรจุน้ำมันและแก็สไว้ แยกกันโดยแผ่นไดอะแฟรมยาง ในขณะที่ล้อตกต่ำลง แก็สจะช่วยดันสู้กับน้ำมันอันเป็นการกับการทำงาน
ระบบของซีตรอง บังคับให้สูงได้สามระดับ ได้โดยก้านบังคับ ปั๊มดูดจ่ายน้ำมันจากห้องเก็บในห้องขับขี่และมีชุดกรวยกันสะเทือนนี้ กับแต่ละล้อไม่เชื่อมโยงกัน