ผู้อ่านส่วนใหญ่น่าจะเคยได้ยินมาแบบผ่านๆ ว่าอายุของยางจะอยู่ที่ 2 ปี หรือประมาณ 4หมื่นกิโลเมตร ใช่ไหมครับ แต่รู้ไหมครับว่าระยะเวลาเท่านี้ถือเป็นการทิ้งยางรถยนต์ไวเกินไป ซึ่งมีจำนวนคนไม่น้อยที่มีความเข้าใจแบบนี้ อาจจะได้ยินมาจาก หรือตามร้านยางที่ต้องการจะขายยางให้ได้ไวๆ จึงทำให้จำต่อๆ กันมา

แล้วยิ่งร้านยางมาบอกว่า เปลี่ยนยางเถอะ เส้นละไม่บาท ไม่คุ้มจะมาแลกกับชีวิต จะว่าไปก็ถูกของเขาอยู่นะครับแต่ว่า อาจจะเร็วเกินไปหน่อยครับที่จะต้องเสียเงินกับยางรถยนต์

แต่ลองไปค้นคว้าเกี่ยวกับข้อมูลยางรถยี่ห้อต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศแล้วกับพบว่ายางรถยนต์สามารถใช้ได้จนดอกยางสึก จนเหลือความลึกของร่องดอกยางประมาณที่ 1.6 มิลลิเมตร ถ้าจะประมาณก็ก้านไม้ขีดวัดตามแนวนอน โดยเขาไม่ได้บอกไม่ได้ระบุไว้ต้องใช้ในระยะเวลากี่ปี กี่กิโลเมตร

และเมื่อประมาณ 10 ปี มีบริษัทยางรถรายใหญ่ได้ พิมพ์เอกสารโฆษณาว่า ยางเรเดรียลที่ใช้กันเมื่อก่อน มีอายุการใช้งานได้ 6 – 8 หมื่นกิโล แล้วจะเป็นไปได้หรอครับที่ ณ ปัจจุบัน มีการพัฒนายางให้ทนทานและสภาพดีขึ้นมาโดยตลอด จะมาเหลือแค่ 4 หมื่นกิโล คุณคิดว่ามันแปลกๆ ไหมละครับ

ถ้าจะสรุปจริงๆแล้ว ถ้าดอกยางรถยังไม่โล้น ยางยังไม่แตกร้าว แข็ง บวม ก็ยังสามารถใช้ได้ต่อไปเรื่อยๆ และถ้าขับขี่ปกติตามหลักทั่วไปก็น่าจะได้เกิน 5 หมื่นกิโลเมตร หรือประมาณ 3 ปี น่าจะได้ แต่ถ้าหลังจากนั้นก็เช็คดูเอาครับว่า ดอกยางยังเหลืออยู่ไหม และร่องยางยังไม่ตื้นกว่า 1.6 มิลลิเมตร ก็ยังใช้ได้อยู่ และก็ดูรอบๆยางด้วย ว่าแตกลายงา ปริออก ร้าวไหม หรือแข็งกระด้างไปไหม และจำไว้ว่าตัวเลข 4 หมื่นกิโล หรือ 2 ปีนั้นไม่ได้มาจากบริษัทยางครับ ซึ่งความจริงของบริษัทยางนั้นบอกว่า ยางสามารถทนทานได้มากกว่านั้นเยอะ ทั้งที่ในใจอยากจะขายยางใหม่ให้ได้เยอะๆ

ถ้าผู้อ่านลองค้นข้อมูลยางจากต่างประเทศ มีหลายแห่งระบุไว้ว่ายางในปัจจุบันสามารถใช้ได้ถึง 60,000 - 80,000 ไมล์ (96,540 - 128747 km) ตามคุณภาพยางและวิธีการขับขี่ แต่เมื่อเจอถนนของเมืองไทยผู้เขียนก็ไม่แนะนำให้ใช้ถึงขนาดนั้นครับ

ในแง่ของคนใช้อย่างเราๆ ก็ลองไปไตร่ตรองดูว่าเราเปลี่ยนยางเร็วไปหรือไม่ แถมเป็นการสร้างเพิ่มมลพิษให้กับโลกอีกด้วย ยางเก่านี้นับเป็นมลพิษอย่างหนึ่ง ถ้าไม่เอาไปรียูส รีไซเคิล

นอกจากเรื่องอายุของยางแล้ว สิ่งที่คนใช้รถอย่างเราๆ ที่หวังและอยากได้มากที่สุด คือยางที่มีคุณสมบัติดีเยี่ยมทุกด้าน คุณสมบัติที่อยากได้ก็มีมากมาย เช่น เกาะถนนได้ทั้งแห้ง ทั้งเปียก เสียงเงียบเบา นุ่มนวล ทนทานใช้งานได้นานแต่ก็ยังไม่มียางรุ่นไหนบริษัทไหนที่ทำได้ครบทุกข้อในยางอันเดียวกันได้ จะเป็นแบบได้อย่างเสียอย่าง เช่น เกาะถนนพื้นเรียบพื้นแห้งดี แต่การรีดน้ำถนนเปียกอาจไม่ค่อยดี เสียงยางดังแต่นิ่มนวล นิ่มแต่ยางสึกเร็ว ดอกยางหมดไว ไม่มียางตัวไหนครับที่ดีครบทุกอย่าง บริษัทยางแต่ละยี่ห้อ จึงได้ทำรุ่นยางมามากมาย ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีคุณสมบัติต่างๆ กันออกไปตามวัตถุประสงค์ของคนใช้ยาง

จะยกตัวอย่างเช่น ยางรถเก๋ง ขนาดเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน แต่คนละรุ่นกันเช่น รุ่นเน้นขับนุ่ม ราคาไม่สูงส่วนอีกรุ่น ลวดลายดอกยางโครงสร้างต่างกัน ไปเน้นที่การเกาะถนน การรีดน้ำออกดีแทน ฯลฯ เพราะฉะนั้นจำไว้ให้ดีว่าไม่มียางรุ่นไหนมีคุณสมบัติครบทุกด้านหรอกครับ และถ้าร้านยางนั้นดันบอกว่ายางนี้สิดีเจ๋งทุกอย่างเลย คุณก็น่าพอจะรู้แล้วละครับว่าเขาจริงใจกับเรามากแค่ไหน ก็ลองไปไตร่ตรองดูนะครับ ส่วนในตอนหน้านั้น จะเป็นจะเป็นเรื่องอะไรก็รอติดตามกันนะครับ