การขับรถเร็ว ถือเป็น 1 ใน สาเหตุส่วนใหญ่ ของการเกิดอุบัติเหตุ เพราะยิ่งขับเร็วก็จะยิ่งทำให้เวลาที่จะใช้ตัดสินใจของคุณลดลงตามไปด้วย ตัวอย่างเช่น ขับรถด้วยความเร็ว 90 กิโลเมตร/ชม. เราจะมีเวลาแก้ไขเหตุการณ์ที่อยู่ข้างหน้ารถของเราระยะ 100 เมตร แค่ 4 วินาที แล้วถ้ารถของคุณมันเร็วกว่านี้ละ จะเหลือเวลาตัดสินใจก็จะยิ่งน้อยลง เมื่อมีเวลาให้เลือกตัดสินใจน้อยลงย่อมทำให้เกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงได้ แถมใช้ความเร็วสูงมากๆ บ่อยๆ ก็เป็นตัวบ่อนทำลายเครื่องยนต์ให้สึกหรอไว้กว่าปกติแถมสิ้นเปลืองพลังงานเชื้อเพลิงด้วย

อุบัติเหตุที่เกิดจากความเร็วยิ่งมีความเร็วมากความรุนแรงของอุบัติเหตุ ก็ยิ่งเพิ่มทวีความรุนแรงขึ้นและคนข้ามถนนที่โดนรถยนต์ชนที่มีความเร็วมากกว่า 60 กม./ชม. นั้นโอกาสที่จะรอดนั้นแทบพูดได้เลยว่าน้อยมาก แล้วลองคิดต่อจากเมื่อกี้ดูนะครับขับแค่ 90 กม./ชม. มีเวลาตัดสินใจในระยะ 100 เมตร แค่ 4 วินาทีอย่างที่พูดไปแล้วถ้ามีคนมาเดินตัดหน้ารถของเราคุณว่าเวลา 4 วินาทีพอให้คุณตัดสินใจหรือเปล่า หรือถ้าขับด้วยความเร็ว 130-140 กม/ชมขึ้นไป โอกาสรอดและเวลาเวลาตัดสินใจจะเหลือแค่ไหนกัน

เพราะเหตุนี้ ในแหล่งชุมชน มักจะมีป้ายบอกเตือนให้ขับในความเร็วที่กำหนด เช่น ไม่เกิน 30 -40 กม./ชม. เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายและอุบัติเหตุได้
ถ้าเราคิดจะใช้ความเร็วเมื่อสิ่งแรกที่อยากให้มีการคือสติและความรอบคอบก่อนที่จะใช้ ตัวเองก็ต้องมีทักษะหรือความรู้ในการขับรถสภาพถนนแบบไหน ควรใช้ความเร็วแค่ไหนถึงจะไม่เป็นอันตราย เช่น ถ้าถนนลื่นหลังจากฝนตกใหม่ๆหรือระหว่างฝนตก ควรใช้ความเร็วจำกัดอยู่แค่ไหนถึงจะดีพอ ซึ่งโดยมากจะประมาณ 2/3 ส่วนการขับรถในถนนสภาพแห้งหรือสภาพปกติ หรือทางโค้งในชุมชนที่มักเป็นมุมอับ มักจะเกิดอันตรายขึ้น

และยิ่งถ้าคุณไปกันหลายคน คุณเป็นคนขับรถชีวิตผู้โดยสารในรถนั้น อยู่ในมือในความรับผิดชอบของคุณ จงคิดหน้าคิดหลังให้ดีที่จะขับรถเร็ว จงมี สติ ไม่ประมาท อยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัย เพื่อไม่ให้ความเร็วนั้นพรากชีวิต พรากสิ่งสำคัญไปจากตัวของคุณ