วิธีดูแลรักษาสีรถของเราให้ดูสดใส ตอน2

19 พฤศจิกายน 2561   1027

คราวที่แล้วเราค้างวิธีการ ดูแลรักษาสีรถกันอยู่ วันนี้เรานำความรู้ดีๆ เรื่องการดูแลสีรถมาบอกเพื่อนๆ เพิ่มอีกครับ

การจอดรถกลางแจ้ง
แสง UV เป็นตัวการอันตรายที่ทำสีรถโดยตรง ถ้าตรงที่เราจอดนั้นไม่มีโรงรถ หรือไม่มีหลังคาที่กันน้ำกันแดดได้ควรที่ จะติดตั้งกันสาดไว้รอบประตูกระจกรถทุกบาน เพื่อไม่ให้น้ำฝนเข้าไปในตัวตัวรถเมื่อเราแง้มกระจกระบายความร้อนให้กับตัวรถ หลายท่านอาจจะสงสัยจะแง้มไว้เพื่ออะไร การที่เราแง้มกระจกประตูรถไว้ประมาณ 1 นิ้วนั้น จะช่วยระบายไอร้อนในตัวรถนั้นดีขึ้น และจะลดความร้อนภายในห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี และจะทำให้หลังคารถมีอุณหภูมิไม่สูงมากนัก ทำให้สีของหลังรถเราถูกทำร้ายรถลดลง

และถ้านำรถไปจอดใต้ต้นไม้หรือไม้ทืบที่มีร่มเงา เราควรมาเอาผ้าคลุมมาคลุมรถเพื่อป้องกันพวกขี้นกยางไม้ขี้แมลงต่างๆ
ถ้าที่เราต้องเอารถไปจอดเป็นประจำๆแล้วไม่มีหลังหรือร่มเงา ลองไปหาพวกหลังคาโรงรถแบบพับพกพาได้หรือเต็นท์ ซึ่งราคาก็ตามขนาดตามวัสดุที่แตกต่างกันไป และอาจจะต้องดูซักนิดนึง ถ้าสถานที่นั้นไม่ใช่ของเรา ว่าเขายินยอมหรือไม่ หรือถ้าคุณเอารถเคลือบแก้วเคลือบสีมันก็ช่วยคุณได้อีกเช่นกัน

ถ้ารถโดน ปูนซีเมนต์ สี ยางมะตอย
บางครั้ง เราขับรถผ่านสถานที่ก่อสร้างหรือสร้างถนนเป็น ที่เราจำเป็นต้องผ่านไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้บางครั้งทำให้ทำให้สิ่งของพวกนี้ติดกับตัวรถของเรามา พวกน้ำปูนซีเมนต์ ยางมะตอย ถ้าโดนมาแล้วควรรีบหาแวะพวกร้านคาร์แคร์หรือร้านล้างอัดฉีดทำความสะอาดอย่างเร็วไม่ควรปล่อยเอาไว้ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้จนมันแข็งตัว เพราะมันยังทำความสะอาดได้ง่ายอยู่ ยังไม่ทำให้สีของรถเราเสียหาย เพราะตามร้านพวกนี้เขาจะมีน้ำยากำจัดพวกนี้โดยเฉพาะถ้าเป็นร้านที่มีมาตราฐาน ก็ควรสังเกตุให้ดีซักหน่อยนึงก่อนจะใช้บริการ
แล้วถ้าดูท่าที่แล้วไอ้ที่ติดมานั้นมันเกาะแน่นไม่สามารถเอาอออกได้แน่ๆ หรือเอาออกแล้วเป็นรอยแน่ๆ ทำใจเสียตังแล้วมุ่งไปอู่สีเลยครับ เพราะถ้าคุณไปคารแคร์ก่อนอาจจะทำให้เสียตังถึง2รอบเลยก็ได้ และแถมอาจไม่แน่ใจด้วยว่าเจ้าคาร์แคร์นั้นทำให้สีเงางามได้หรือไม่ ไปล้างสีเลยดีกว่าเสียเงินครั้งเดียวแล้วสีก็กลับมาเหมือนเดิม

การ Wrapตัวถังรถ
Wrap คือการเปลี่ยนสีรถโดยการติดสติ๊กเกอร์เคฟลาร์ มักจะให้ความสวยงามแค่ระยะเวลาสั้นๆ และแพง และเมื่อลอกออกมาแล้วมักจะทำให้ตัวรถนั้นเกิดรอยคัตเตอร์รอยขูด หรือเลวร้ายร้ายกว่านั้นคือสีหลุดลอกออกมาเป็นแผ่นๆ
และอาจจะผิดกฏหมายอีกด้วย แถมถ้าเราเพิ่มเงินอีกซักก้อนไปร้านอู่สีเปลี่ยนสีจริงๆไปเลยจะดีกว่า แถมอายุการใช้ยาวนานกว่าอีกด้วย และเมื่อได้ที่ถูกใจแล้วอย่าไปลืมแจ้งสีรถใหม่ด้วยที่กรมการขนส่งเพื่อให้ถูกกฏหมายด้วย
และถ้า Wrapตัวฝากระโปรงรถหลังหรือเปลี่ยนสี ต้องสังเกตุด้วยว่าพื่นที่สีมันเปลี่ยนมากเกินกว่า 25% ของสีเดิมหรือไม่ ถ้าไม่ทำการไปแจ้งให้เรียบร้อยท่านอาจจะได้รับใบสั่งบ่อยๆก้ได้

การเคลือบภายในห้องโดยสาร
รถท่านใดใช้เบาะผ้าและเป็นเบาะสีอ่อน ต้องการดูแลรักษาเป็นอย่างดี และเมื่อเราอออกรถมาใหม่ๆควรเอาไปน้ำยากันน้ำและน้ำยาปกป้องเนื้อผ้าให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เบาะผ้าของเรานั้นไม่เกิดรอยด่างเป็นดวงๆ และป้องกันให้น้ำซึมเข้าเบาะได้ยากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เบาะของเราดำเป็นคราบขี้ไคล ถ้าเป็นเบาะหนัง ถ้าหนังใช้โทนสีอ่อนก็ต้องเคลือบน้ำยาด้วยเหมือนกัน ถ้าเบาะหนังโทนสีอ่อน ไม่ได้รับการป้องกันเมื่อใช้งาน ไปประมาณไม่กี่เดือน ก็จะเห็นได้ชัดเจนก็คือ รอยดำรอยด่าง แถมน้ำยาที่เคลือบเบาะไปนั้นจะช่วยยืดอายุการทำงานของเบาะอีกด้วย และไม่สกปรกง่าย

นอกจากวิธีที่พูดไปข้างต้นแล้วอยากให้ระวังอีกอย่างนึงก็คือ ผ้ายีนส์สีเข้มยิ่งซื้อมาใหม่ให้ระวังด้วยเพราะสีมันอาจจะไปติดกับเบาะรถของเราก็ได้ และจะทำให้มันกลับไปคืนสภาพเดิม อาจทำได้ยากและใช้เวลานาน

การดูแลห้องโดยสาร
บางทีการจอดไว้กลางแจ้งนานๆ ทำให้ห้องโดยสารมีอุณหภูมิสูง ทำให้ชิ้นส่วนต่างๆของรถเราภายในที่ทำจากพลาสติกอาจจะเสื่อมก่อนสภาพอายุความเป็นจริงก็ได้ โดยเฉพาะชิ้นส่วนตรงแผงคอลโซลหรือพวกแผงประตูต่างๆอาจจะมีเสียงออดๆแอดๆเวลารถเราวิ่งอยู่ บางชิ้นอาจถึงขั้นกรอบแตกหักเลยก็ได้ แนะนำว่าควรติดฟิลม์กรองแสงUV ที่มีคุณสมบัติสะท้อนแสงUV สะท้อนความร้อนได้ดี อาจจะแพงหน่อยแต่ก็คุ้มค้ากับการลงทุน เพื่อยึดอายุตัวพลาสติกต่างๆในห้องโดยสารของเรา และควรหลีกเลี่ยงการใช้พวกน้ำมันหอมระเหยต่างๆถ้าเราต้องเอารถไปจอดกลางแจ้งนานๆและบ่อยๆ เพราะถ้าในตัวห้องโดยสารเรามันร้อน จะทำให้มันระเหยฟุ้งกระจายไปอุดตามคอยล์แอร์และอาจจะทำให้ฟิลม์กรองแสงเสื่อมสภาพเร็วขึ้นด้วย

ห้องเครื่อง
ในเมื่อเราดูแลสี ในส่วนของภายในและนอกกันไปแล้ว ก็มาดูส่วนสำคัญของรถอีกที่กันด้วย แต่ส่วนคงไม่ต้องห่วงเรื่องความสวยงามมากนัก แต่ในส่วนนี้เราควรโฟกัสคำนึงถึงการใช้งานจะดีกว่า เพราะชิ้นส่วนในห้องเครื่องยนต์จะเป็นโลหะหลายชนิดประกอบกับยางและพลาสติก เยอะแยะจน ห้ามใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ไม่ได้ระบุใช้งานกับห้องเครื่องเป็นอันขาด จะทำให้มีผลกระทบต่อเครื่องยนต์ของตัวรถ ถ้าจะทำความสะอาดใช้แค่ลมอัดฉีดเป่าออก หรือใช้ผ้าใช้ทำความสะอาดก็เพียงพอแล้ว และไม่ต้องพ่นน้ำยาเคลือบใดๆทั้งสิ้น

แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ควรล้างห้องเครื่องซักปีละ 1 ครั้ง ควรจะล้างหลังจะหมดฤดูฝน หรืออาจจะหลังที่เราเอารถไปซ่อมเครื่องกลับมาแล้ว เราจะแนะนำการล้างที่ถูกต้องนั้นบอกกัน

  1. ต้องรอให้เครื่องของเรานั้นเย็นเสียก่อน ถามว่าเย็นแค่ไหน เย็นพอที่เราจะจับท่อไอ้เสียได้ครับ
  2. ห้ามใช้น้ำแรงดันสูงฉีดล้างเป็นอันขาด การล้างที่ถูกต้องก็คือใช้น้ำยาทำความสะอาดห้องเครื่องฉีดพ่นไปอาจจะเป็นแบบสเปรย์ หรือใช้หัวฟ็อกกี้ และจึงทำการใช้แปรงไนล่อนขัดทำความสะอาดต่อไป ลองอ่านตามฉลากที่ตัวน้ำยาเขาจะมีบอกขั้นตอนการใช้อยู่ครับ

สาเหตุที่ต้องรอให้รถนั้นเครื่องยนต์เย็นเสียก่อน และไม่ให้ใช้น้ำแรงดันสูงไปฉีด นั่นเพราะว่าชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ พวกฝาสูบ เสื้อสูบ เกียร์ ท่อไอเสีย ทำให้เกิดการแตกร้าวได้ และอาจจะทำให้ส่วนระบบไฟอิเล็กทรอนิกส์ อาจจะทำให้ลัดวงรจขึ้นได้ และอาจจะตามให้ชิ้นส่วนของยางและพลาสติกเสียหายได้อีก

จริงอยู่ที่การดูแลสภาพสีรถนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดูแล แต่ถ้าเรารักรถซะอย่างก็คงไม่มียากเกินไปหรอกครับจะได้มีรถสภาพสีสวยสดเอาไว้ใช้ได้นานๆกันนะครับ