รู้จักฟิลม์กรองแสง 2

18 พฤศจิกายน 2561   1151

ก่อนอื่นต้องกล่าวย้อนไปช่วงที่ฟิลม์เข้ามาแรกๆ สมัยนั้นจะมีเบอร์ฟิล์มอยู่น้อย คือ 05, 20, 35, 50 ซึ่ง

  • เบอร์ 05 หมายถึง แสงผ่านได้ 5 % ฟิล์มเข้ม 95 %
  • เบอร์ 20 หมายถึง แสงผ่านได้ 20 % ฟิล์มเข้ม 80 %
  • เบอร์ 35 หมายถึง แสงผ่านได้ 35 % ฟิล์มเข้ม 65 %
  • เบอร์ 50 หมายถึง แสงผ่านได้ 50 % ฟิล์มเข้ม 50 %

แต่ที่เข้าใจผิดของบ้านเรามาจนบัดนี้คือ

  • ฟิลม์เบอร์ 05 เรียกผิดว่า ฟิล์ม 80 %
  • ฟิล์มเบอร์ 20 เรียกผิดว่า ฟิล์ม 60 %
  • ฟิล์มเบอร์ 50 เรียกผิดว่า ฟิล์ม 40 %

รวมถึงการโฆษณาเกินจริงว่ากันรังสีได้ 99 % แท้จริงเป็นข้อมูลที่บอกไม่หมด เพราะรังสีจากแสงแดดมีอยู่ 3 ส่วนที่จะให้ความร้อนและมีสัดส่วนไม่เท่ากันดังนี้

  1. ความร้อนจากแสงสว่าง 44%
  2. ความร้อนจากรังสีอินฟาเรด 53% (IR)
  3. ความร้อนจากรังสียูวี 3%(UV)

จะเห็นได้ว่า ความร้อนนั้นมาจากทั้งรังสีและแสงสว่าง ซึ่งค่าจากการป้องกันรังสี เพียงอย่างเดียวไม่สามารถเอามาตัดสินใจได้จริง และการดูคุณสมบัติการกันความร้อนของฟิล์ม ควรดูที่ ค่าการกันความร้อนโดยรวม (TSER) ซึ่งค่านี้จะเป็นค่าที่สรุปการกันความร้อนทั้งหมดของฟิลม์แล้ว

การปฎิบัติหลังติดฟิล์มกรองแสง

  1. ห้ามเลื่อนกระจกขึ้น - ลง หรือ เช็ด ถูฟิล์ม ภายใน 7 วัน หลังจากติดตั้ง เนื่องจากกาวของฟิล์มกรองแสงจะใช้ระยะเวลาในการอยู่ตัว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อม เช่น การถูกแสงแดด ควรจะรอให้ครบระยะเวลาก่อนจึงเลื่อนหรือเช็ดกระจกได้
  2. หากมีปัญหาอื่นใด เช่น มีฟองอากาศ หรือ ฟิล์มอ้า ฯลฯ ให้รีบติดต่อศูนย์บริการภายในระยะเวลารับประกัน
  3. ในการทำความสะอาดฟิล์มกรองแสง ควรใช้ผ้าสะอาด ผ้านุ่มหรือฟองน้ำ ร่วมกับน้ำยาทำความสะอาดฟิล์ม เพื่อกำจัดคราบมัน และไม่ควรนำวัสดุที่ลักษณะเป็นของแข็งหรือผิวไม่เรียบเช็ดถูที่กระจกเป็นอันขาด
  4. ห้ามใช้น้ำยาเช็ดกระจกหรือสารเคมีที่มีส่วนประกอบของแอมโมเนีย ( NH4) เพราะอาจทำให้ ชั้นกันรอยของฟิล์มเสียหายได้
  5. ควรหมั่นดูแลรักษาร่องกระจก ไม่ให้มีเศษทรายหรือก้อนกรวดค้างอยู่ในราง เพราะจะทำให้ฟิล์มกรองแสงเกิดความเสียหายได้

บทความจาก www.kinggloss.com